กรดไหลย้อน โรคกรดไหลย้อน(Gerd)
- โรคกระเพาะ - กระเพาะเป็นแผล - แสบหน้าอก - ท้องผุ ถ่ายยาก


ลองมาฟัง วิธีรักษาด้วยสมุนไพร แบบง่ายๆกันดูนะคะ
กรดไหลย้อน(Gerd)
โรคกรดไหลย้อนมีทั้งหมด 3 ระยะ ขี้นอยู่กับความรุนแรงที่เกิด
กรดไหลย้อนแต่ละระยะ มีความแตกต่างกันไป
1.กรดไหลย้อนระยะแรก : เป็นช่วงกระเพาะอาหารอ่อนแรง
เป็นโรคกรดไหลย้อนที่กระเพาะอาหารมันเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว
อาการที่เป็นกรดไหลย้อน
จะรู้สึกว่ามีลมในท้อง ทานอาหารทีไรรู้สึกแน่นๆ
มีอาการแสบท้อง เล็กๆน้อยๆ ตามบริเวณขั้วของ
กระเพาะอาหาร
คนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะนี้จะเริ่มมีลม
ไอ้ลมพวกนี้มันก็จะวิ่งไปอยู่ตามตัว
เช่น ตามแขน ขา ตามบ่า ตามหลังทางซ้าย
จะรุ้สึกแน่นๆหลังหน่อยนึง
มีการปวดเมื่อยตามร่างกาย
เพราะมีลมไปอยู่ส่วน ต่างๆ

ดังนี้เวลาเราปวดเมื่อย พร้อมกับเป็นกรดไหลย้อน
อย่าพึ่งไปรักษา อาการปวดเมื่อยก่อน
ควรรักษา กรดไหลย้อนก่อน จึงจะถูกจุด
ถ้าโรคกระเพาะดีขึ้น ลมก็จะน้อยลง พอลมน้อยลง
อาการปวดเมื่อยตามจุดต่างๆ ก็จะดีขึ้น
เราจะได้ไม่ต้องนวดบ่อยเกินไป หรือไปกินยามากเกินไป
คนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะนี้ อาจจะมีแผลใน
กระเพาะอาหารมากหน่อย เช่นเวลากินอาหารเข้าไป
ก็ย่อยได้นะแต่จะรู้สึกแสบๆ นิดนึง
ตอนก่อนนอนบ้าง ตอนบ่าย 2 บ่าย 3 บ้าง
เวลากระเพาะเราเป็นแผล บางทีน้ำย่อยจะออกไม่ตรงเวลา

โรคกระเพาะเบื้องต้นเหล่านี้ สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก
ก่อนที่จะกินขมิ้นชัน ให้ดูเรื่องแผลก่อน ถ้าสมมุติกระเพาะเรา
เป็นแผลให้รักษาที่แผลก่อน เพราะถ้าแผลไม่หาย
น้ำย่อยก็จะออกมาผิดเวลาตลอด ถึงเราจะไปกินขมิ้นชัน
หรืออะไรเข้าไปช่วย มันก็จะเพรี้ยนไปหมดเลย
วิธีรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
เอาแบบง่ายๆเลยนะคะ
1.ทานกล้วยน้ำหว้าดิบ จิ้มน้ำผึ้ง
ก่อนอาหารประมาณ 15-30 นาที เช้า กลางวัน เย็น
ที่เราจะต้องจิ้มน้ำผึ้งก็เพราะว่าเวลาที่เราเคี้ยวมันจะไม่ติดฟัน
จะได้กลืนลงไปได้ง่าย
กล้วยดิบ นี้จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะ
แผลในลำไส้ ได้ดี และน้ำผึ้งเองก็เป็นยา ด้วย
กล้วยน้ำหว้าดิบ จะมียางข่อนข้างมาก ตัวยางนี้ละ
จะไปช่วยรักษาแผล ในลำไส้และกระเพาะอาหาร
ทานประมาณ 1 สัปดาห์ อาการแผลในกระเพาะอาหาร
แผลในลำคอ แผลในลำไส้ ก็จะค่อยๆดีขึ้น

2.ทานว่านหางจรเข้ จะกินแบบสด หรือ จะกินแบบที่เป็นน้ำ
ที่เขาทำสำเร็จรูปมาแล้วก็ได้
ให้ทานก่อนอาหาร 15-30 นาที ตอนเช้า กลางวัน เย็น
ก็จะสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แผลในลำไส้ได้ดีเหมือนกัน
พอแผลหายดี เราก็จะเริ่มใช้ยาในการรักษาอาการกรดไหลย้อนได้แล้ว
ยาที่กินสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะเบื้องต้นนี้ เอาแบบง่ายๆเลยนะคะ
ทานขมิ้นชัน ขมิ้นชันนี้มีสรรพคุณในการรักษาแผลในกระเพาะได้ด้วย
เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ กินแล้วก้จะช่วยในการรักษาแผล
และเรียกน้ำย่อยให้กลับมาทำงานปกติได้ด้วย
ให้กินขมิ้นชันก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น
ประมาณ 15 นาที 2 แคปซูล หรือหลังอาหาร 15 นาที
ก็ได้เหมือนกัน

พอกินแล้วก็จะทำให้น้ำย่อยมาเยอะ กระบวนการย่อยที่ดี
ก็จะทำให้เลือดของเราดีขึ้น ทำให้อาหารตกค้างน้อยลง
ลมในท้อง ในกระเพาะก็จะน้อยลงไปด้วย
เพราะว่ากระบวนการย่อยมันค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แล้ว
ถ้าจะเอาที่แรงกว่าขมิ้นชัน เราก็จะมียาสามันประจำบ้าน
มีชื่อว่า ประสะเสฐพรรคี จะผสมจำพวกขิง ข่า พวกนี้นะคะ
และก็ต้นเจฐพรรณคี จะเรียกน้ำย่อยและรักษาแผลในกระเพาะ
มีฤกธิ แรงกว่าขมิ้นชัน ให้ทาน 2 แคปซูลก่อนอาหารเหมือนกัน
เมื่อไรที่น้ำย่อยของเรามาตรงเวลา ทานข้าวเป็นเวลา
น้ำย่อยก็จะไม่ไปกัด กระเพาะ กระเพาะก็จะไม่เป็นแผล
แผลก็จะค่อยๆ
ดีขึ้นตามธรรมชาติ นะคะ
น้ำย่อยที่มาตรงเวลาจะไม่ออกพล่ำเพื่อ จะไม่ออกตอนนอน
ตอนค่ำๆออกตอนบ่าย 3 บ่าย4 จนทำให้เราเจ็บท้อง
ถ้าเป็นโรคนี้ จะมีลมดัน ทำให้จุกแน่น เรอบ่าย วิธีลด
ก้คือทานยาหอม ถ้าเป็นระยะแรกนะ ถ้ายี่ฮ้ออะไรก็ได้
กินยาหอมจะช่อยไล่รม ที่อยู่บริเวณหน้าอก
ดันออกไปได้เวลาลมถูกดันออกไป
คุณก็จะสบายขึ้น หายใจได้โล่งขึ้น
ย่อยอาหารได้ดีขึ้น ไม่จุกแน่น
ถ้าเป็นกรดไหลย้อนระยะแรก และไม่มีแผลในกระเพาะ
หรือลำไส้ไม่ต้องไปกินกล้วยดิบ หรือว่านหางจรเข้ นะคะ
ให้เริ่มกินขมิ้นชัน หรือ ประสะเจฐพรรคี
และยาหอมเพื่อขับลมได้เลย
มาดูการปรับพฤติกรรมสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อน
ระยะเบื้องต้นนะคะ
1.ทานอาหารให้เป็นเวลา คำว่าเป็นเวลาไม่ใช่ว่า 7 โมงตรง
หรือ เที่ยงตรง นะคะบวกลบได้ ไม่เกินชั่วโมง คะ
เช่นตอนเช้าไม่ควรเกิน 9 โมง ตอนเท่ียงไม่ควรเกินบ่าย 2
ตอนเย็นไม่เกิน 2 ทุ่ม ประมาณนี้ก็ได้
น้ำย่อยก็จะมาเป็นเวลา พร้อมกับที่เราไปรีเซต
ระบบน้ำย่อยใหม่ด้วยการทานสมุนไพร
การกินอาหารเป็นเวลา พร้อมกับทานสมุนไพร
มันจะทำให้เราหายไวขึ้น นะคะ
2. อย่าทานน้ำเยอะๆ เวลากินข้าว ถ้ากินน้ำไป
น้ำย่อยก็จะเจือจาง บางคนพอมีลมเยอะในท้อง
จะกินข้าวไม่ลง จึงกินน้ำคำ กินข้าวคำ ไปด้วยกัน
ไม่ควรทำนะคะ ยิ่งทำอย่างนี้จะทำให้ท้องอืดเข้าไปใหญ่
จะเป็นน้ำย่อยมาผิดเวลาน้ำย่อยทำงานไม่ได้เต็มที่

3.อย่าไปทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เพราะคนที่เป็นกรด
ไหลย้อนจะมีแผลเยอะ เช่น ทานส้มตัมใส่พริกเยอะๆ
อาหารที่ใสพริกไทยเยอะๆ
มันจะทำให้แผลในกระเพาะ หรือลำไส้ หายช้า

อันนี้คือการปรับพฟติกรรมสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะเบื้องต้น
กรดไหลย้อนระยะที่ 2 : ปัญหาลำไส้มีอุจจาระตกค้างเป็นเวลานาน

เมื่อเราเป็นกรดไหลย้อนระยะแรกแล้วไม่รีบรักษา และมีปัญหา
โรคกระเพาะ ก็จะส่งผลให้มีอุจจาระ ตกค้างในลำไส้
เป็นเวลานาน บางคนอาจเป็นครึ่งปีหกันเลยทีเดียว
ตัวลำไส้ของเราจะสร้างจุลินซีขึ้นมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก
เพื่อช่วยย่อย อาหารที่ตกค้าง ให้เรา
ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียกว่าจุลินซีไม่ดี
จริงๆแล้วมันดีนะ ถ้ามันไม่สร้างจุลินซีตัวนี้ขึ้นมา
อาจทำให้ลำไส้ของเราอุดตัน เน่าเสียไปเลยก็ได้
ดังนั้นกรดไหลย้อนระยะที่ 2 นั้นเราจำเป็นต้องปรับลำไส้
ให้ดีขึ้น เราจึงเรียกว่ากรดไหลย้อน
ระยะนี้ว่าเป็นปัญหาลำไส้ เป็นหลัก
เริ่มมีอาหารตกค้างในลำไส้เป็นจำนวนมาก บางคนท้องผุ
ท้องป่องออกมากเลย
เวลามีจุลินซีที่ไม่ดีเป็นจำนานมาก ผายลมก็จะมีกลิ่นเหม็นมาก
มีกลิ่นปาก คันตามตัวได้ง่ายขึ้น เพราะจุลินซีที่ไม่ดีมันจะสร้าง
แก๊สพิษด้วย จะกินอาหารน้อย จะกินมาก หรือกินตรงเวลา
จะมีลมในกระเพาะอยู่ดี
อาจจะย่อยได้บ้าง แต่จุลินซีที่ไม่ดีนี้มันจะสร้างแก๊สตลอด
จึงทำให้มีลมต่อให้อาหารที่เรากินจะเป็นผักหรือข้าวต้มก็ตาม
จะมีแก๊สในท้องตลอด
นี่คืออาการของกรดไหลย้อนระยะที่2 นะคะ

อีกอาการคืออุจจาระไม่หมด เพราะจุลินซีจะสร้างแก๊สไว้มาก
จะเป็นก้อนๆ
เนื่องจากมีแก๊สปนอยู่เป็นช่วงๆ ดังนั้นเวลาเราอึออกมาก
มันก็จะอึออกมาไม่หมด แต่ยังปวดอยู่นะเพราะในลำ
ไส้เป็นลม อีกสัก 2-3 ชั่วโมงต้องไปอึใหม่อีกแล้ว
เพราะเราเริ่มเป็นกรดไหลย้อนระยะที่ 2 แล้ว
ม้วนท้องบ่อยๆ ผายลมมาก มีอาการจุกแน่น เรอทั้งวัน
ลมจะดันขึ้นมาทำให้ไปดันปอดขยายตัวไม่ได้
หายใจรำบากหัวใจเต้นไว บางคนก็คิดว่าเป็นโรคหัวใจ ก็มี
ลมพอมันมีมากมันก็จะพาเอาระอองน้ำกรดของน้ำย่อย
ขึ้นมาด้านบนที่คอบ้างที่บริเวณหน้าอกบ้าง
และก้ขึ้นมาที่ปากบ้าง ก็จะทำให้ เปรี้ยวปาก ขมปาก
แสบหน้าอก แสบคอ
แต่ต้นเหตุของปัญหามันไม่ได้อยุ่ที่กรด
ปัญหาอยุ่ที่ลมในลำไส้เป็นตัวพาเอาระอองน้ำกรดขึ้นมา
** ถ้าเราแก้ปัญหาที่อาการจะผิดโดยการไปลดกรดลง
มันจะทำให้กระบวนการย่อยของเราไม่สมบูรณ์
ยิ่งกระบวนการย่อยไม่สมบูรณ์ ก็จะทำให้เกิดอุจจาระตกค้า
ในลำไส้เพิ่มขึ้น
ทำให้เกิดแก๊สมากขึ้น มีลมมากขึ้น เช่นทานยาลดกรด หรือเคลือบกระเพาะ
ไม่ให้กรดย่อยอาหาร
ดังนั้นควรแก้ที่ต้นเหตุคือกรดไหลย้อนระยะนี้
ต้องแก้ที่ไม่ให้อาหารตกค้างที่ลำไส้
เป็นจำนวนมาก ลดอาหารตกค้างที่ลำไส้นั่นเอง
วิธีแก้ไขกรดไหลย้อนระยะที่ 2 มีดังนี้
เอาอุจจาระที่ตกค้างในลำไส้ออกก่อน
ถ้าไม่เอาออกจุลินซี มันก็มีบ้านอยู่สบายคะ
วิธีการเอาอุจจาระออกมีอยู่ 2 วิธี
1. ดีท็อกแบบสวน บางคนก็จะบอกว่าเคยทำมาแล้วสบาย ทำง่าย
เพื่อเอาอุจจาระที่ตกค้างออกไป แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครัง
ประมาณ 3-4 สัปดาห์

2.ให้กินยาธรณีสันฑะฆาต คือ ยาสามัญประจำบ้านชนิดนึง ไม่เป็นอันตราย
กินแล้วจะทำให้ลำไส้มันขยับได้ดี อุจจาระที่มันตกค้างในลำไส้
มันก็จะเคลื่อนที่ออกมา

คือสามารถกินได้ทีละ 2-5 เม็ด ขึ้นอยู่กับความธาตุหนัก ธาตุเบาของเรา
ให้กินก่อนนอนเป็นเวลา 5-7 วัน เพื่อเอาอุจจาระที่ตกค้างออกมาให้หมด
หลังจากกินติดต่อกัน 5-7 วันแล้วอุจจาระที่ตกค้าออกมาหมดแล้ว
และจุลินซีที่ไม่ดีก็ออกไปพร้อมกับอุจจาระตกล้างไปหมดแล้ว
ก็ให้กินสัปดาห์ละ 1-2 วัน ก็ได้

3.เติมจุลินซีที่ดี เข้าสู่ระบบย่อยอาหาร วิธีการเอาจุลินซีที่ดี
เข้าสู่ร่างกายที่นิยมกัน มีดังนี้
3.1 แบบแรกเป็นแบบที่เป็นผงหรือเม็ด สามารถซื้อตามห้าง ตามร้านขายยา
เขาเรียกโปรไบโอติก แบบผงหรือแบบเม็ด มีการทั้งในและต่างประเทศ
แนะนำให้กินหลังอาหารประมาณ ครึ่งชั่วโมง ตอนท้องว่างๆ
กินหลังอาหารเช้า หลังอาหารเย็น ประมาณนี้


3.2 ทานน้ำหมักวีวะภาพ ให้กินหลังทานอาหารทันที 1 ช้อนโตะ
กับน้ำเปล่า 3 ช้อนโตะ
ให้ผสมกันก่อนทาน นะคะ เพราะมันเป็นกรดเข้มข้น
อย่าไปกินตอนท้องว่าง
กินพร้อมอาหารทุกมื้อ

3.4 ทาน แอปเปิลไซเดอร์ ก็กินประมาณ 1 ช้อนชา
พร้อมอาหารทุกมื้อ ได้เหมือนกัน

เมื่อเราขับอุจจาระที่ไม่ดีและจุลินซีที่ไม่ดีออกไปแล้ว และทำการเติม
จุลินซีที่ดีเข้าไปแทนทำให้ระบบการย่อยดีขึ้น
ทีนี้เราก็มาแก้ไขตรงที่กระเพาะอ่อนแรง ไม่รู้เวลา ทำให้มันฟื้นขึ้นมา
ในทางการแพทย์แผนไทยให้ทานสมุนไพรเพื่อฟื้นฟู
4.ทานสมุนไพร ที่ใช้ได้ดีสำหรับกรดไหลย้อนระยะที่ 2 คือ
ยาเบญจกูล ก็จะมีพวกขิง เจตมุลเพลิง ราชพลู ดีปรี เป็นตัวยา
พื้นฐานของการแพทย์แผนไทย

ช่วยขับลม และบำรุงธาตุได้ดี ช่วยให้ระบบกระเพาะอาหารแข็งแรงขึ้น
ถ้าเป็นแคปซูลก็ 2-3 แคปซูล ถ้าเป็นลูกกอนก็ประมาณ 4-5 เม็ดก่อนอาหาร
เช้า กลางวัน เย็น เพื่อเรียกน้ำย่อยและทำให้กระเพาะและม้าม แข็งแรงขึ้น
ถ้ากระเพาะดี ระบบการย่อยดี ไม่มีอุจจาระตกค้างเป็นเวลานาน โรคกรดไหลย้อน
ก็จะค่อยๆหายไป
การปรับพฤติกรรมสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะที่2 มีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงอาหารที่ไปเลี้ยงจุลินซีที่ไม่ดี เช่น นมวัว ชาเย็นหรือชา
ที่ใส่นมเยอะๆ เบอรกรี่หวานๆ ที่ราดนม
เพราะเบอรกี่พวกนี้จะสร้างแก๊สได้เยอะ และไปทำให้
จุลินซีที่ไม่ดีโตไวด้วย น้ำเย็น น้ำแข็ง
จะส่งผลให้กระเพาะทำงานรำบากขึ้น

2. ไม่ควรทานยาเยอะโดยไม่จำเป็น เช่นยาลดกรด
ให้ทานเฉพาะ ที่จำเป็นเท่านั้น
3.ทานอาหารให้เป็นเวลา เหมือนการเป็นกรด
ไหลย้อนระยะแรก นะคะ
กรดไหลย้อนระยะที่ 3 สารอาหารในระบบเลือดน้อยลงมาก

เนื่องจากกระบวนการย่อยไม่ดี รวมทั้งมีอุจจาระตกค้างเป็นเวลานาน
ที่เป็นมากที่สุด ต้องใช้เวลาในการรักษา
เมื่อสารอาหารในระบบเลือดน้อยลงมาก ก็จะส่งผลไปถึงอวัยวะอื่น
เช่น กระเพาะตับ ม้าม ลำไส้ ระยะนี้เราจะกินขมิ้น
ยาขับลม อะไรเข้าไป ก็ไม่ไหวแล้ว ต่อให้กินข้าวตรง
เวลาก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น
เพราะว่ามันไม่มีสารอาหารในระบบเลือด
ไปให้มันทำงาน เนื่องจากเลือดน้อย พอเลือดน้อยระบบการย่อยก็ไม่ทำงาน
วิธีแก้ไขโรคกรดไหลย้อนระยะที่ 3 ต้องแก้ที่สารอาหารในระบบเลือดก่อน
ถ้าไม่แก้ที่สารอาหารในระบบเลือดนะคะ จะหายยากมากๆเลย
อาการของคนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะที่ 3 มีดังนี้
1.มีอาการจุกที่คอบ่อยมาก เรียกว่าแทบจะทั้งวันเลย
แน่นคอ หายใจได้รำบาก มีลมดันขึ้นมาที่คอ

2.มีกลิ่นปาก ลิมฝีปากแห้งแตก มีสีคล้ำๆ เนื่องจากคนที่เลือด
ไม่สมบูรณ์ ปากจะไม่สด คือซีด

3.มืนหัวบ่อย ง่วงนอนมาก ขับรถก็มีแต่จะหลับ และเพลียระหว่างวันง่าย
ตื่นเช้ามาก็ไม่ค่อยอยากตื่น ไม่มีเรี่ยวแรง นอนหลับไม่ค่อยสนิท
เนื่องจากมีออกซิเจนในเลือดน้อย เลือดไม่สมบูรณ์
4.แน่นท้องอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะก่อนกินข้าว หรือหลังจากกินข้าว

5.เริ่มโซมและผอมลง ลิ้นซีดสีขาว หิวบ่อยๆ กินข้าวแล้วไม่อิ่ม
กินก็กินไม่ค่อยลงแต่พอกินแล้วก็แล้วอีกสัก 1-2 ชั่วโมง
ก็หิวอีก เนื่องจากระบบกระเพาะมันย่อยไม่ได้
6.แสบหน้าอกบ้าง โดยเฉพาะช่วงกลางคืน บางคนก็แสบคอ
7.ถ้าเป็นมากๆ เวลากินข้าว อาเจียน อ๊วกออกมาเลย
เนื่องจากลมมันดันอยู่ตลอดเวลา
8.ฉี่บ่อย เนื่องจากลมในกระเพาะเยอะ
จึงไปกดที่กระเพาะปัสสาวะ
ส่งผลให้ฉี่บ่อย คนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะที่3
นี้หลายคนฉี่ทั้งวัน คะ มันก็เลยแย่ไปหมดเลย
ดังนั้นก็อย่าไปแยกรักษานะคะ เช่นกินยาแก้มืนหัว
กินยาลดกรด คือรักษาตามอาการ
ซึ่งมันไม่ตรงจุด ก็มีแต่จะแย่ลง
เพราะต้นเหตุมันมีอยู่นิดเดียวคือระบบย่อยอาหารมันไม่ดี ถ้าแก้ระบบย่อยได้
อาการเหล่านี้ จะดีขึ้นเอง เช่นเลือดดี นอนหลับดี จุกคอก็หาย ไม่หิวบ่อย เป็นต้น
แนะนำสมุนไพรที่ช่วยกรดไหลย้อน ระยะที่ 3 มีดังนี้
1.ทานสมุนไพรบำรุงเลือด เช่น น้ำข้าว ตุ๋นยาจีน น้ำซุบกระดูกหมู
ที่ช่วยบำรุงเลือด
2.สมุนไพร ก็เช่นสาหร่ายเกลียวทอง ให้กินตอนตื่นนอน
ประมาณ 4-5 เม็ด ใช้ยี่ฮ้ออะไรก็ได้ นะคะ
กินแล้วไอ้สาหร่ายเกลียวทองนี้มันจะกลายเป็นเลือดของ
เราภายในไม่เกินชั่วโมง เราก็จะได้เลือดเพิ่มขึ้น
และสารอาหารเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาระบบกายย่อยอาหาร

3. สมุนไพรโสมเกาหลี หรือเจียวกู่หลาน 1 เม็ด ตอนก่อนนอนหรือเช้า
ได้เหมือนกัน พอกินแล้ว จะทำให้เลือดเยอะขึ้น
พอเลือดเยอะขึ้นก็จะหิวข้าวมากขึ้น
เราก็ไปกินข้าวให้ตรงเวลา เช้า กลางวัน เย็น
พอกินข้าวแล้วก็กินพวกยาขับลม เบ็ญจกูล เป็นต้น

เพื่อเรียกน้ำย่อย และไล่ลมออก ห้ามไปกินยาลดกรด เคลือบกระเพาะนะคะ
พอเราเรียกน้ำย่อยมาได้ เลือดมีสารอาหาร ระบบต่างๆจะค่อยๆดีขึ้น
ปล. ถ้าใครหายาเบญจกูลหรือยาขับลมไม่ได้ ให้เอา
ขมิ้นชัน1 แคปซูล +พริกไทยดำ 1แคปซูล
ทานก่อนเทียง และเย็น ได้เหมือนกันนะคะ
จะเป็นการเพิ่มธาตุไฟในการย่อยอาหาร เรียกน้ำย่อยให้มาตรงเวลา
เมื่อเลือดเราสะอาด มีสารอาหาร น้ำย่อยมาตรงเวลา
ที่เหลือคือเราจะต้องเอาอุจจาระ
ที่ตรงค้างในลำไส้หรือกระเพาะอาหารออก อย่างสม่ำเสมอ
4. ให้ทานธรณีสันฑะฆาต 3-7 วันติดต่อกัน หลังจากนั้นให้ทาน
สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็พอ
5.เติมจุลินซีที่ดีเข้าไปเยอะๆ เพราะว่ากว่าจะมาเป็นถึงระยะนี้
จุรินซีที่ดีในลำไส้ หายไปหมดแล้ว
ทำอย่างนี้ประมาณ 1-2 เดือน และก็หยุดบ้าง เพื่อดูอาการ ถ้าดีขึ้น
ไม่พบปัญหากรดไหลย้อนแล้วก็ไม่ต้องทำต่อแล้ว
แต่ถ้าดีขึ้นประมาณ 60-70 % ก็ให้ทานต่อไปอีกประมาณ ครึ่งเดือน และหยุดดูอาการอีกถ้าหายแล้วก้ไม่ต้องทานต่อ
ผู้ที่ทำตามที่บอกมา ส่วนใหญ่ จะดีขึ้นใน 1-2 เดือน คือไม่ค่อยเพลีย
ไม่ค่อยง่วงนอนระหว่างวัน
ตื่นเช้ามารูสึกมีกำลัง วังชา ขับถ่ายได้ดี ถ่ายได้หมด
ไม่จุกแน่นในลำคอง่ายๆ
แสดงว่าการเป็นกรดไหลย้อนดีขึ้นแล้วนะคะ
การปรับพฤตกรรมสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนระยะที่ 3 มีดังนี้
1.อย่ากินอาหารจำนวนมากเกินไป และให้กินตรงเวล
คนที่เป็นกรดไหลย้อน จนมาถึงระยะที่3 นี้ไม่ธรรมดา
นะคะ ส่วนใหญ่จะเกิดจากความเครียด
ความเกรงของกระเพาะอาหาร เช่น ขณะกินข้าวก็คิดเรื่องโน้น
เรื่องนั้นวางแผนงานม เลือกอาหารที่จะกิน คิดเยอะ
สิ่งที่จะแนะนำคือตัดความกงวลทิ้งไปเลย ไม่ต้องเลือกมาก
คือจะมีอาหารไม่กี่อย่างที่ไม่ควรกินเช่น กาแฟ นมวัว
น้ำเย็นๆ จะทำให้น้ำย่อยมาผิดเวลา
แต่ส่วนใหญ่ก็กินได้หมดเพียงแต่ว่าอย่ากินเยอะ
มากจนเกินไป แต่ควรกินให้ตรงเวลา คือเช้า กลางวัน เย็น เป็นต้น

2.ขณะกินข้าวควรกินข้าวอย่างเดียว กินกลับด้วยนะคะ
คือไม่ควรทำกิจกรรมอื่นด้วย
เช่น เล่นมือถือไปด้วย ประชุมไปด้วย ห้ามทำนะคะ
เพราะถ้าทำแบบนี้เลือดเรามันจะไปเลี้ยงที่หัว
เลือดเรามีน้อยอยู่แล้ว พอเลือดไหลเวียน
ทั่วร่างกายน้อยระบบการย่อยก็จะไม่เกิด

3.นอนพักผ่อนเยอะ อย่าพึ่งออกกำลังกายมากเพราะเรายัง
ไม่ค่อยมีเลือด ถ้าไม่ค่อยมีเลือด
ไปออกกำลังกายหนักมันก็จะยิ่งป่วย

4.ควรออกกำลังกายที่เน้นการคลายกล้ามเนื้อ เช่น
การยืดเยียดร่างกาย โยคะ กายบริหาร
นอนท่าปลาดาวประมาณ 5นาที
จะทำให้เกิดการระบายลมในร่างกาย
5.ทานอาหารให้หลากหลายชนืด อย่าไปทานแต่ข้าวต้ม
เพราะกระเพาะจะได้ฝึกย่อยอาหาร
ได้หลากหลายรูปแบบ จึงจะแข็งแรง
