เบาหวาน ความดัน เบาหวานขึ้นตาเกิดจากอะไร?
รักษาอย่างไรได้บ้าง?
โดยปกติ เมื่อเราทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เช่น พวกแป้งของหวาน น้ำอ้อย
น้ำผึ้ง ร่างกายจะมีกระบวนการธรรมชาติ ที่จะควบคุมให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดของเราให้เป็นปกติ
โดยสารที่คอยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติมีอยู่ 2 ตัว คือ
ฮอร์โมนอินซูลิน และ ฮอร์โมนกลูคากอน
ฮอร์โมนอินซูลิน จะคอยลดระดับน้ำตาลที่มากเกินไป ให้อยู่ในระดับปกติ โดยจะเอาน้ำตาล
นั้นไปเผาผลาญและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ให้เราได้ใช้
ส่วนฮอร์โมนกลูคากอน จะคอยเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
โดยจะเอาน้ำตาลที่ถูกเก็บไว้ในตับ เข้าในเลือด
ซึ่งการที่เราเป็นเบาหวานนั้น เกิดจากมีน้ำตาลในเลือดมากเกินไป อาจเกิดจากร่างกายสร้าง
ฮอร์โมนอินซูลิน ได้น้อยไม่เพียงพอกับการทำงาน หรือสร้างไม่ได้เลย ซึ่งร่างกายไม่มีตัวคอยลด
ระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายตามมา
ในทางการแพทย์เราจะแบ่งโรคเบาหวานออกเป็น 4 ชนิด
เบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งจะพบในเด็ก หรือคนที่มีอายุน้อย โดยผู้ป่วยมักจะมีรูปร่างผอม
เพราะตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ จะต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน
เบาหวานชนิดที่ 2 พบมากที่สุดถึง 95-97 % ของผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่มักอ้วน และมีอายุมาก ผู้ป่วยในประเภทนี้ตับอ่อนยังสามารถผลิตอินซูลินได้อยู่แต่อินซูลินไม่สามรถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยในปัจจุบันจะพบผู้ป่วยเบาหวานชนิดนี้มากขึ้น เพราะวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปเน้นการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู๊ตและที่มีไขมันมากเกินไป ขาดการออกกำลังกาย
เบาหวาน ที่มีสาเหตุเฉพาะ ชนิดที่ 3 ได้แก่ เบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติทางพรรธุกรรม
โรคตับอ่อน และการกินยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์หรือสารเคมีบางอย่าง
เบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ ชนิดที่ 4 ช่วงตั้งครรภ์ จะมีฮอร์โมนจากรก ที่ต้านการทำงานของ
อินซูลิน เป็นผลทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลินลดน้อยลง ถ้าไม่สามารถสร้าง
อินซูลินได้ จะทำให้เกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์แต่ผู้ป่วยประเภทนี้ จะพบว่าหลังคลอด
ก็จะหายจากเบาหวานได้เอง
อาการที่พบบ่อยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ได้แก่
1.ปัสสาวะบ่อย และมักตื่นขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืน โดยปกติ คนเราจะไม่ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน เพราะ ขณะที่เรานอนหลับเราก็ไม่ได้ดื่มน้ำอยู่แล้ว และน้ำที่เราดื่มไปก่อนนอน ร่างกายก็จะสามารถเก็บไว้ในกระเพาะปัสสาวะอยู่แล้ว
แต่ในผู้ป่วยเบาหวานจะมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงมากเกิน ทำให้ไต ไม่สามารถที่จะกั้นน้ำตาลได้
ทำให้มีน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะมาก น้ำตาลนี้เองที่ทำให้ร่างกายต้องขับออกมาทางปัสสาวะ
จึงทำให้ปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคอแห้ง กระหายน้ำ หิวน้ำบ่อย
จากการเสียน้ำเยอะนั่นเอง
2. หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด โดยปกติร่างกายจะมีแหล่งพลังงาน 3 ส่วน คือ
คาร์โบไฮเดตจากน้ำตาล, ไขมันในร่างกาย และ โปรตีจากกล้ามเนื้อ
ซึ่งปกติร่างกายจะดึงเอาน้ำตาลไปใช้ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะใช้ง่ายที่สุด แต่คนที่เป็นเบาหวาน
ร่างกายเปลี่ยนจากน้ำตาลไปเป็นพลังงานไม่ได้ จึงไม่สามารถใช้พลังงานจากน้ำตาลได้
เพราะไม่มีอินซูรินเป็นตัวช่วย จึงจำเป็นต้องเอาพลังงานจากไขมันและกล้ามเนื้อไปใช้แทน
เมื่อกล้ามเนื้อและไขมันหายไปบางส่วนจะทำให้น้ำหนักตังลดลง แต่กลับหิวบ่อย
เนื่องจากร่างกายเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้
หากเป็นแผล จะหายยากและมีการติดเชื้อตามผิวหนังได้บ่อย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูง
ทำให้เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ในการฆ่าเชื้อโรค ทำหน้าที่ได้ไม่ดี
3.มีการตาพร่ามัว มืนหัวบ่อย เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง มันอาจไป
ครั่งอยู่ในตา อาจจะทำให้เป็นต้อกระจก หรือเราเรียกว่าเบาหวานขึ้นตา
4.มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า
เนื่องจากหากน้ำตาลในเลือดสูงนานๆ จะทำให้เส้นประสาทเสื่อม เกิดแผลที่เท้าได้ง่ายเพราะจะไม่ค่อยรู้สึกตัวเอง กว่าจะรู้แผลก็มักจะลุกรามจนหายยาก และมีอาการติดเชื้อซึ่งบางรายอาจจะต้องตัดขากันเลยทีเดียวผู้ที่เป็นเบาหวานมานานหลายปีก็มักจะพบโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง ซึ่งถือว่าเป็นผองเพื่อนตัวแสบที่จะคอยตามเบาหวานไปทุกที่เลยก็ว่าได้ เช่นปัญหาด้านสายตาไตวาย โรคหัวใจ อัมพาต แขนขาชา แผลเน่าโดยเฉพาะที่เท้า ยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลได้ใกล้เคียงค่าปกติได้เท่าไร ก็จะช่วยลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้มาก
ไตเป็นอะวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสียต่างๆ ที่อยู่ในร่างกายและมีเส้นเลือดขนาดเล็กจำนวนมากมาย
ที่บริเวณไต ฉะนั้นเมื่อเส้นเลือดถูกทำลาย เนื่องจากมีระดับน้ำตาลที่สูงอยู่เป็นเวลานาน ไตก็จะเริ่มเสื่อม
ลง ทำให้โปรตีต่างๆรั่วออกมาตามปัสสาวะได้
ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตรวจหาปริมาณไข่ขาวหรือโปรตีนที่รั่วออกมาตามปัสสาวะ ตั้งแต่เริ่ม
แรกที่เป็นเบหวาน ซึ่งหากตรวจพบในระยะเริ่มต้นจะได้มีการดูแลรักษาเพื่อช่วยชลอการเสื่อมของไต
ได้มาก เมื่อเริ่มมีภาวะไตเสื่อม
การปฏิบัติตัวให้ถูกวิธีก็จะช่วยลดการเสื่อมของไตได้ดี เช่น การลดระดับน้ำตาล รับประทานอาหารที่
มีโปรตีนน้อยลงและเลือกรับโปรตีนที่มีคุณภาพสูงเช่น ไข่ เนื้อที่ไม่ติดมัน เป็นต้น
ทานเกลือน้อยลง งดผงชูรส และสารกันบูดต่างๆ เพราะมีส่วนผสมของเกลือโซเดี่ยม ที่ทำให้เกิด
ความดันเลือดสูง และเกิดอาการบวมตามมา ควบคุมความดันโลหิตอย่างเคร่งคัด
ไม่ให้เกิน 130/80มมปรอท
จอประสาทตาเสื่อม ตาพร่ามัว
ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะทำให้เกิดการสะสมน้ำตาลและรวมตัวกันที่เลนตาทำให้เลนตาบวม
และยังทำให้บริเวณจอประสาทตาที่มีเส้นเลือฝอยจำนวนมากทำให้ถูกทำลาย ทำให้ผู้ป่วยเกิด
อาการตามัว และมีอาการเหมือนมีแสงสีดำตัดผ่านตา ซึ่งควรไปพบจักสุแพทย์ทันที
อาจทำให้ตาบอดได้
ปลายประสาทเสื่อมจากเบาหวาน
เป็นโรคแทรกซ้อนที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้รู้สึกรำคาญและทรมาน ซึ่งเกิดจากการมีน้ำตาลสะสมอยู่บริเวณเส้นประสาท จึงทำให้การทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง การรับรู้ความรู้สึกต่างๆลดลง โดยเฉพาะปลายมือ ปลายเท้า เมื่อกระทบถูกความร้อนหรือเจ็บปวดจะไม่ค่อยรู้สึก จึงเป็นอันตรายกับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจทำให้เกิดแผลได้ง่ายโดยไม่รู้สึกตัว
โรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมองตีบตัน
เป็นโรคแทรกซ้อนที่คุกครามต่อชีวิตได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก จากเส้นเลือดหัวใจตีบ
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนกระทั่งกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด อาจทำให้เกิดการพิการ หรืออาการ
รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยโอกาสเกิดเส้นเลือดสมองตีบตัน จะสูงมากสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
ที่มีความดันสูงร่วมด้วย
เบาหวาน เบาหวานขึ้นตา แผลเบาหวาน
วิธีดูแลรักษาด้วยสูตรมะระขี้นก
"ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน"
ปรึกษาพูดคุย ฟรี นะคะ


